การปลูกข้าวสาลีทานเอง หรือปลูกให้น้องหมาน้องแมวก็ได้จ้าาาาาาา

ปลูกผักปลูกผักปลูกผักๆๆๆๆ เราจะไม่ยอมแก่เราจะสาวอยู่อย่างงี้ ต้อนนี้กำลังบ้าการปลูกผักงอกนะคะ วันนี้นำเสนออีกหนึ่งผักงอก นั่นก็คือข้าวสาลี ข้าวสาลีนั้นมีประโยชน์มาก ประกอบด้วยคลอโรฟิลล์ถึงร้อยละ 70 เลยทีเดียว นอกจากนั้นยังพบวิตามินเอ ซีและอี แร่ธาตุต่างๆอีกมากกกกกมายยยยย เช่น เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม และกรดอะมิโนกว่า 17 ชนิดอือหืออออ........เลยใช่ไหมค่ะ ที่บ้านปั่นกินกันเป็นว่าเล่นปั่นคู่กับงางอกเป็นน้ำวีทกราสนั่นเอง **เดี๋ยววันหลังมาสอนวิธีปลูกด้วยสำหรับงางอก** กระต่ายกับน้องหมาที่บ้านก็ชอบทานข้าวสาลี เดี๋ยวนี้เค้ามีแบบที่จัดเป็นชุดขายไว้ปลูกให้น้องหมาน้องแมวด้วย แต่เราว่าราคาพวกนั้นจะแพงไปหน่อย ซื้อเมล็ดมาลูกเฉยๆดีกว่า มาดูกันนะคะ ปลูกข้าวสาลีไม่ใช่เรื่องยากเลย ลูกสาวคนสวนคนนี้ขอรับประกัน ปลูกขึ้นชัวร์ **ยกเว้นแต่เมล็ดเก่านะจ๊ะ มอดขึ้นอะไรแบบนี้ อันนี้ไม่รับประกัน เอาละค่าาาา ไปดูวิธีปลูกข้าวสาลีกันดีกว่าาาาาาาาา

 

วิธีการเพาะข้าวสาลี 

1. นำเมล็ดข้าวสาลีแช่น้ำ 1 คืนนะคะ จากนั้นนำไปหว่านบนวัสดุเพาะในกระถางหรือตะกร้า ส่วนใหญ่จะปลูกในดิน แต่ ที่เห็นในรูปปลูกบนขุนมะพร้าวนะคะ **ถ้าปลูกบนขุยมะพร้าวต้องใช้ปุ๋ยไฮโดรโปนิกส์รดทีหลังค่ะ** นำเมล็ดข้าวสาลีใช้มือปาด เมล็ดข้าวสาลีให้ทั่วกดลงจนดินเบาๆ ให้เมล็ดข้าวสาลีจมดินนิดหน่อย

2. รดน้ำบางๆ แบบพ่นฝอย โดยอาจใช้กระบอกฉีดพ่น พอชื้นอย่าให้แฉะมากเพราะจะทำให้เกิดเชื้อราได้ แล้วหาอะไรปิดหน้าเอาไว้เพื่อความชุ่มชื้น (ไม่แนะนำให้ใช้หนังสือพิมพ์หรือถุงดำเพาะมีสารพิษมาก) ทำเช่นนี้ทุกวันจนเห็นใบอ่อนข้าวสาลีงอกออกมา จึงเอาที่ปิดหน้าออกได้ ควรโดนแดดรำไรๆ จะได้สังเคราะห์แสงมีคลอโรฟิลล์มาก

3. เมื่อเมล็ดข้าวสาลีออกใบที่ 2 (ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน) สามารถตัดใบไป

ทำน้ำคั้นได้ โดยใช้กรรไกรสะอาดตัดเหนือดินประมาณ ½ นิ้ว เพื่อให้ต้นข้าวสาลีงอกให้ทานกันอีกรอบ ถ้าตัดชิดไปจะไม่ยอมงอกรอบสองนะคะ

4. หลังจากตัดเสร็จรดน้ำต่อไปแบบข้อ 2 ต่อทุกวัน อีกประมาณ 5-7 วัน สามารถตัดใบไปทำน้ำคั้นรุ่นที่ 2

ได้อีกครั้ง

และก็เสร็จกันไปแล้วนะคะ สำหรับวิธีการปลูกข้าวสาลีของเรา บอกเลยว่าข้าวสาลีมีประโยชน์มาก ใครไม่อยากแก่ต้องรีบทานเลยนะคะ^^ ของดีแบบนี้ไม่อยากเก็บไว้คนเดียวอิๆ

ใครมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผักงอก ถามได้ที่ Facebook: www.facebook.com/h2ohydrogarden ค่ะ รอตอบคำถามอยู่

มาปลูกผักโต้วเหมี่ยว(ถั่วลันเตา)กันเถอะ

วันนี้นะคะลูกสาวคนสวนคนนี้จะมาสอนวิธีการปลูกถั่วลันเตาหรืออีกชื่อที่รู้จักกันในนามโต้วเหมี่ยวนั่นเอง ขอบอกเลยว่าเป็นผักที่ชอบมากเพราะปลูกครั้งเดียวตัดได้3รอบ ทานกันฟินเลยทีเดียว นอกจากนั้นมันยังโตเร็วได้ใจอีกด้วยเพาะประมาณ 10 วันก็สามารถเก็บทานได้แล้ว มีรสชาติหวานกรอบไม่เหม็นเขียว อุดมด้วยสารอาหาร ช่วยบำรุงสายตา ตับ หัวใจ และจัดว่าเป็นแห่งโปรตีนชั้นดี รวมถึงวิตามินบีและวิตามินซีสูงอีกด้วยแถมยังมีธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสารเลซิตินที่ช่วยการทำงานของระบบประสาทและสอง ช่วยบำรุงสายตา ตับ หัวใจ รวมถึงมีกากอาหารซึ่งช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดีเนื่องจากโต้ วเหมี่ยวนั้นมีเส้นใยมาก รู้อย่างนี้แล้วยังจะรอช้ากันอยู่ทำไมค่ะ มาเริ่มปลูกเลยดีกว่า

การปลูกโต้วเหมี่ยว หรือ ถั่วลันเตา

1. ล้างเมล็ดถั่วลันเตาให้สะอาด แช่เมล็ด 2-3ชั่วโมง ก่อนนำลงปลูก เมล็ดโต้วเหมี่ยวคืออันเขียวๆนะคะ(อีกอันที่เห็นคือไควาเระค่ะ) เม็ดกลมๆใหญ่ๆ พอแช่น้ำแล้วก็จะบวมขึ้นอีก

2. นำเมล็ดมาผึ่ง 20-24 ชั่วโมง ระหว่างผึ่ง ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ คลุมเมล็ด คอยกลับเมล็ดบ้าง ระบ่มระวังเน่า เมล็ดโต้วเหมี่ยวจะมีปัญหามากว่าเมล็ดผักอย่างอื่นเรื่องเมล็ดเน่าดังนั้นจึงต้องคอยระวังให้ดี

3.เวลาผ่านไปรากจะออกมาแบบนี้ เมื่อมีรากงอก นำเพาะลงดิน ดูแลเรื่องการรดน้ำ ระวังอย่าให้แฉะ...ไว้ในที่ไม่มีแสง หรือมีแสงรำไร จะกลบ หรือไม่กลบดินก็ได้ เอาน้ำพ่นๆจะดีกว่ารดลงไปเลยค่ะเพราะเน่าง่ายอย่างที่บอก รอต้นโต ช่วงแรกของการปลูกโต้วเหมี่ยวจะนานหน่อยค่ะ 3-7 วันแรกแทบไม่โตเลย แต่พอหลังจากที่โต ตัดทานรอบสองสอบ3เร็วมาก ขึ้นเอาขึ้นเอาจริงๆ

4.ดูแลในระยะเวลาประมาณ 8-12วัน สามารถตัดทานได้ และสามารถตัดทานได้2-3รอบ เพียงแค่รดน้ำต่อหลังจากการตัดครั้งแรก แค่น้ำก็มีผักโต้วเหมี่ยวทานกันฟินไปเลย

การตัดครั้งที่2 ระวังอย่าตัดสั้นไปนะคะ เพราะเดี๋ยวไม่ยอมขึ้นใหม่ ไม่มีที่แตกต้นใหม่ได้

หมายเหตุ: แสงจะเป็นตัวควบคุมหนวด หากต้องหารให้มีหนวดเยอะ สามารถปล่อยให้โดนแสงบ้าง หากไม่ชอบหนวด ปิดไม่ให้มีแสง

ใครมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผักงอกผักไฮโดร ถามได้ที่ Facebook: www.facebook.com/h2ohydrogarden นะคะ

ขั้นตอนการปลูกไควาเระจ้าาาาาาาาา ผักงอกแสนอร่อย

วันนี้ลูกสาวคนสอนอย่างเราจะมาสอนการปลูกผักที่มีชื่อเรียกว่า ผักไควาเระกันนะคะ ใครยังไม่รู้จักผักงอกชนิดนี้บอกไว้เลยว่า

เจ้าผักงอกไควาเระนี้เองที่อุดมด้วยสาร เคมเฟอรอล ไกลโคไซด์ ( kaempferol glycosides) นี่ก็เป็นสารเสริมภูมิต้านทาน และต้านมะเร็งได้อย่างดีอีกด้วย อีกทั้นไควาเระ นำมาทำอาหารอร่อยได้หลายชนิดเช่น สลัด ยำชนิดต่างๆหรือทำ แกงจืด ผัดน้ำมันหอย ก็อร่อยทีเดียว ฟังอย่างงี้แล้วอยากปลูกไควาเระ กันแล้วละซิคะ งั้นมาดูขั้นตอนการปลูกไควาเระกันเลยจ้าาาาาาา

ขั้นตอนในการปลูกมีดังนี้เลยค่ะ

1.นำเมล็ดแช่น้ำครึ่งชั่วโมง

2. นำเมล็ดไควาเระมาบ่ม 20-24 ชั่วโมง โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆคลุมเมล็ดไว้เพื่อเก็บความชุ่มชื้น

3.เมื่อมีรากงอก ให้นำลงดินหรือวัสดุปลูกอย่างอื่น เช่นฟองน้ำ สำลี ขุยมะพร้าว รดด้วยปุ๋ยAB นะคะสำหรับท่านที่ไม่ต้องการปลูกลงดิน หรือท่านที่ปลูกผักไฮโดรอยู่แล้ว

4. ตัดต้นไควาเระมาทำอาหารตามใจชอบเลยค่ะ ปลูกใช้เวลาแค่7-10วันก็ขึ้นพร้อมทานแล้ว ง่ายมากเลยขอบอก

แค่เอาไควาเระมาผัดน้ำมันหอยก็อร่อยแล้ว เชื่อไม่เชื่อคงต้องให้ลองเองแล้วนะคะ 

**หมายเหตุ เมล็ดไควาเระสามารถเพาะต้นอ่อนได้ค่อนข้างเยอะ เมล็ด1ขีก เพาะได้ประมาณ 1 กิโลกรัมนะจ๊ะ เดี๋ยวปลูกเยอะเกินทานไม่หมด

การปลูกผักบุ้งระบบไฮโดรโปนิกส์แบบน้ำนิ่งนะคะ

ลูกสาวคนสวนขอเสนอ วิธีการปลูกผักไฮโดรในขวดน้ำกันดีกว่าค่ะ บางคนสงสัยว่าไฮโดรน้ำนิ่งคืออะไร ระบบน้ำนิ่งคืการที่เราปลูกผักโดยใช้ปุ๋ยไฮโดรแต่น้ำจะนิ่ง คือไม่มีการใช้ปั๊มทำให้น้ำไหลวน จึงเป็นการปลูกที่ง่ายและไม่ยุ่งยากค่ะ หาอุปกรณ์การปลูกไม่ยาก แนะนำว่าเหมาะสำหรับท่านที่จะปลูกทานเองมากกว่าขายนะคะ ผักที่เราจะนำมาปลูกวันนี้คือผักบุ้งนะคะ ไปติดตามขั้นตอนกันเลยนะคะ

ขั้นตอนการปลูกผักบุ้งระบบผักไฮโดรโปนิกส์แบบเป็นดังนี้ค่ะ

1.เตรียมอุปกรณ์ ขวดน้ำเก่า/ คัตเตอร์ / ฟองน้ำสำหรับปลูกผัก (ที่มีรอยตัดตรงกลางหรือสามารถหาซื้อมาตัดเองก็ได้) แนะนำให้ใช้ขวดลิตรจะดีกว่าเผื่อตอนผักโตค่ะ และถ้าต้องการปลูกรอบสองสามารถล้างขวดแล้วปลูกใหม่ได้ง่ายกว่าขวดเล็กค่ะ

2. นำขวดน้ำดื่มมาล้างทำความสะอาดและตัดตามรูป 

 3. นำเมล็ดผักมาใส่ฟองน้ำประมาณ 3-5เมล็ดถ้าปลูกผักไทย แต่ถ้าปลูกผักพวกสลัดใช้แค่เมล็ดเดียว ม สำหรับเมล็ดสามารถเอาไปแค่น้ำก่อนได้นะคะ แช่ไว้2-3ชั่วโมงก็ได้ เพื่อให้การงอกดีขึ้น

4.  เอาฟองน้ำที่ใส่เมล็ดแล้วมาใส่ขวดน้ำที่ตัดแล้วตามรูป ใส่ฟองน้ำห้ยื่นออกมาจากขวดนิดนึง เพื่อให้แตะกับน้ำที่เราจะใส่ในขวดค่ะ

5. ใส่น้ำให้ขึ้นมาถึงฟองน้ำ ตามรูปนะคะ ให้น้ำแตะๆกับฟองน้ำค่ะไม่ต้องท่วมมากนะคะเดี๋ยวเมล็ดจะเน่าได้

6. รอโตประมาณ 3 วัน จึงใส่ปุ๋ย AB (ค่าECที่ผักไทยต้องการประมาณ 2.0) สำหรับท่านที่ไม่ทราบว่าปุ๋ยAB คืออะไร ปุ๋ยABคือปุ๋ยที่ไว้ใส่ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นะคะ ปุ๋ยจะแยกเป็น2ตัว 1เรียกว่าปุ๋ยA และอีกอันเรียกว่าB อัตราส่วนผสมเท่ากับ ปุ๋ย5cc:น้ำ1L นะคะ เติมปุ๋ยAB กับน้ำตามสัดส่วนทุกอาทิตย์ เวลาน้ำน้อยลงนะคะ

7. ดูแลเดิมปุ๋ยและน้ำตามสัดส่วนทุกอาทิตย์ สามารถเก็บทานได้ประมาณ 5-6 อาทิตย์หลังจากเพาะเมล็ดค่ะ ต้นที่เห็นในรูปอาจไม่ค่อยอ้วนเท่าไหรเพื่อว่าปลูกที่ระเบียงบ้าน แดดไม่ค่อยพอ ขอเตื่อนเรื่องแดดนิกนึงนะคะว่าถ้าต้องการปลูกผัก แนะนำว่าให้ปลูกในพื้นที่ที่มีแดดมากกว่า5-6ชั่วโมงนะคะ ไม่งั้นผักที่ได้จะยืดและทรงไม่สวย โตช้าอีกด้วยค่ะ

สำเสร็จแล้วนะคะกับการปลูกผักไฮโดรแบบน้ำนิ่งแบบง่ายๆ ใครก็ปลูกได้ค่ะ

ท่านใดมีข้อสงสัยตรงไหนสามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ facebook : www.facebook.com/h2ohydrogarden นะคะ วันนี้ลูกสาวคนสวนขอลาไปก่อน

สอนการปลูกผักวอเตอร์เครส - watercress(ผักน้ำ)แบบง่ายๆค่าาาาาาาา

เขียนบล็อกครั้งแรกค่ะ แต่พอดีอยากลองเขียนดูและเอาความรู้เรื่อการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มาแบ่งปันกัน เพราะที่บ้านทำฟาร์มปลูกผักไฮโดรอยู่ค่ะ ปลูกมา5-6ปีและเลยพอมีความรู้อยู่บ้างอิๆ เป็นคนเขียนภาษาไทยไม่ค่อยเก่งยังไงถ้ามีพิมพ์ผิดหรือภาษาไม่สวยบอกกันได้นะคะ ลูกสาวคนสวนคนนี้จะพยายามถ่ายทอดวิชาการปลูกผักให้กับคนรักผักทุกท่านให้ดีที่สุด 

บอกก่อนเลยว่าแต่ก่อนคุณแม่ชอบว่าๆเป็นคนมีร้อนปลูกผักอะไรก็ตายไปซะหมด จนมาลองปลูกผักไฮโดรเนี่ยแหละค่ะ^^

งั้นมาดูวิธีปลูกผักวอเตอร์เครสกันเลยนะคะสำหรับผักชนิดนี้ ใครอาจจะไม่ค่อยรู้จักผักอันนี้แต่บอกเลยว่าผักวอเตอร์เครสนี้มีประโยชน์แบบสุดๆเลยค่ะ มีทั้งวิตามัน เอ ไรโบฟลาวิน ธาตุเหล็ก แคลเซี่ยม และโปรตีน ใช้ลดความดันโลหิตและอื่นๆอีกมากมาย ที่สำคัญที่สุดคือชะลอความแก่จ้าาาา ใครอยากสาวอยากสวยต้องมาลองทานกันนะคะ ทำอาหารได้หลายอย่างแต่ที่ทำง่ายสุดคือแกงจืด ต้มกินแทนตำลึงเลยค่ะงานนี้ อีกสองเมนูที่ทำทานบ่อยก็จะเป็นผักน้ำมันหอย ไม่็งั้นก็เอามาโรยทานสดกับผักสลัดและน้ำสลัดค่ะ งั้นเรามาดูวิธีปลูกวอเตอร์เครสกันนะคะ ว่าจะง่ายขนาดไหน

1. เลือกยอดแก่ของผักวอเตอร์เครสที่จะเอาไปขยายพันธุ์ต่อมาก่อนนะคะ ดูยังไงว่าแก่ต้องดูจากขนากของลำต้นและถ้าแก่มากจะมีดอกจ้าาา เป็นดอกเล็กๆสีขาวๆ 

2. จากนั้นก็นำมาเด็ดใบออกคะ เพื่อลดการคลายน้ำ อันนี้เป็นเคล็ดลับอย่างนึงนะคะสำหรับใครที่ต้องการเพาะชำผักแบบอื่นด้วย ที่ต้องเด็ดใบบออกก็เพราะต้องลดการคลายน้ำของผักค่ะ

3. ขั้นตอนต่อไปคือการนำมาปักลงบนวัสดุปลูกค่ะ ในรูปจะใช้เป็น เพอร์ไลท์กับเวอร์มิคูไลท์นะคะ เป็นวัสดุปลูกของผักไฮโดรโปนิกส์แบบหนึ่งบางที่ใช้ฟองน้ำปลูกก็มีค่ะ แต่ฟาร์มที่บ้านปลูกผักไฮโดรขายอยู่ใช้แบบนี้เลยเอาอันนี้มาค่ะ ปลูกได้ผลพอๆกัน สำหรับใครที่ต้องการปลูกในดินนะคะ ก็ทำได้เหมือนกันค่ะ เอาผักปักลงดินเลย

4.จากนั้นนำผักวอเตอร์เครสปักลงในถ้วยปลูกแล้วไปวางบนรางปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ค่ะหลังจากนั้นก็รอมันโตของมันเองใช้เวลาประมาณ 4-5 อาทิตย์ต้นวอเตอร์เครสก็จะโต เก็บทานได้แล้วค่ะ แบบในรูปเลย แนะนำไว้ก่อนเลยว่าให้ขยาดไว้หลายๆต้น เพราะบางครั้งลืมตัวเก็บทานหมดไม่มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้ปักชำใหม่ ลำบากต้องไปหาพันธุ์มาปลูกอีก (วอเตอร์เครสมีหลายพันธุ์นะคะ ลองหาดู รสชาติไม่ต่างกันเท่าไหรแต่ความแข็งของต้นและสีจะต่างกันค่ะ) สำหรับท่านที่ปลูกกับดินก็อย่าลืมรดน้ำนะคะ ผักชนิดนี้ชอบน้ำชุ่มๆ

.

5. นำมาประกอบอาหาร ในรูปนี้จะเป็นแกงจืดวอเตอร์เครสหมูสับ อร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ เป็นผักที่โตเร็ว ขึ้นง่าย อยู่ในที่ร่มหรือแดดได้ทั้งสองอย่างเลยค่ะปลูกขึ้นหมด เป็นผักที่แนะนำให้ปลูกเป็นผักสวนครัวเก็บทานได้ตลอด ปลูกที่เดียวขยายพันธุ์ได้อีกเพียบเลย ใครไม่เชื่อว่าปลูกง่ายปลูกดีขนาดนี้ต้องลองไปปลูกกันดูนะคะ ใครปลูกได้สวยได้งามเอามาแบบโชว์กันได้ที่เฟสก็ได้นะคะ www.facebook.com/h2ohydrogarden